ฟุตบอลโลก 2018 มีมติการตอบรับอย่างเป็นทางการแล้ว
ฟุตบอลโลก รอบนี้เกี่ยวกับเรื่อง VAR หรือว่า Video Assistant Referee เป็นเครื่องที่จะเข้ามาจับภาพ และช่วยในการตัดสินใจ ของทางกรรมการในเกมนั้นๆ หากไม่มั่นใจการหยุดเกมสามารถเรียกกล้องมาดูได้เลย ว่ามีเหตุการณ์ที่ล่อแหล่ม หรือว่าหรือจังหวะปัญหาทั้งหมดที่เกิดในสนาม สามารถจะทำการเบรกเกมเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เป็นตัวช่วยที่พึ่งเข้ามาในวงการลูกหนังไม่นาน ต่างจากกีฬาอื่นที่มีมานานแล้ว แต่ก็มีหลายเสียงที่เถียงกันว่าการเข้ามานี้ จะเป็นการบดบังเสน่ห์ของฟุตบอลหรือไม่ ? จนมีการถกกันหลายรอบ และล่าสุดในรายการใหญ่อย่างเวิร์ลคัพ ทางเจ้าภาพได้ประกาศแล้วว่า จะมีการใช้งานอย่างเป็นการทางแน่นอน
การจัดลงคะแนนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เกิดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา โดยให้คณะกรรมการของสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (IFAB) www.theifab ได้ออกมาแสดงสิทธิ์คะแนนของตัวเอง ว่าการแข่งขันเวิร์ลคัพครั้งนี้ จะมีการส่งเจ้า วีเออาร์ นี้เข้าไปใช้งานหรือไม่ เพราะว่าในทางระดับลีกการแข่งของประเทศต่างๆ เริ่มมีการใช้มาแล้วตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งนักเตะต่างๆทั่วโลกก็รู้จักกันดีแล้ว โดยส่วนมากจะเห็นกันในการฟันธงในการตัดสินยากๆ ให้กระจ่างชัดกับการที่กรรมการจะไม่ต้องลังเล เมื่อมีเจ้าเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วย ผลเสียของเจ้าตัวนี้ก็มีบ้าง การปรับแต่งให้มีความเที่ยงตรงมากขึ้น ทำให้สามารถดึงภาพหรือว่ารีเพลย์ภาพตามต้องการ จึงทำให้การโหวตในครั้งนี้ออกมาทางเดียวกัน คือเป็นฤกษ์ที่ดีในการนำมาใช้งาน กับการแข่งขันครั้งแรกในเวิร์ลคัพรอบสุดท้ายของ
การทำงานที่เป็นจุดเด่นของ VAR
เมื่อพูดถึงการใช้ VAR ที่ผ่านมา หากแฟนบอลเคยเห็นจะเข้าใจดี กับจังหวะการเป่าของเชิ๊ตดำต่างๆ เช่นเช๊คล้ำหน้าที่พลาดเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง ปัญหาคือไม่กี่วินาทีในการเลือกเป่าหรือไม่ จะเป็นการชี้วัดประตูได้เลย รวมถึงการทำฟาวล์นอกและในเขตโทษ หรือว่าการเล่นนอกเกมของนักเตะ ที่มีต่อคู่แข่งในสนาม ซึ่งการสดอส่องในสนามขนาดที่ใหญ่ กรรมการไม่กี่คน บ้างทีก็จับภาพได้ไม่ครบ ทำให้มีตัวช่วยที่ครอบคลุมทั้งสนามเข้ามา ย่อมเป็นเรื่องที่ดีในการแบ่งเบาความกดดันในการตัดสินได้อย่างมาก
การทำงานที่เป็นจุดด้อยของ VAR
จะเรียกว่าเป็นสิ่งที่แย่ของ VAR เอง ก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะอย่างการแข่งที่ต้องหยุดลงไป ด้วยการต้องเข้าไปเช๊คที่วิดีโอข้างสนามของผู้ตัดสิน นั่นไม่ได้เป็นการประมวลผลช้าจากตัวระบบ ซึ่งนี้เองที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะว่าการแข่งที่ไม่ไหลลื่น ทำให้ไม่สนุกเหมือนแต่ก่อน ที่จะมีการเบรคเกมไม่นาน รวมถึงทดเวลาไปไม่มากไม่น้อย ให้กับจังหวะต่างๆของเกม ก็ถือว่าโอเคในสัดส่วนที่เข้าใจกันได้ แต่ว่าหากว่าเจ้าเครื่องนี้โดนเรียกเข้ามา ต้องมีการยุติการเตะก่อนเพื่อรอการกรรมการชี้ขาดนั่นเอง และยังไม่มีการกำหนดออกมาอีก ว่าจะใช้ได้กี่ครั้งในแต่ละเกม ด้วยหลายกีฬามีกฏว่าจะมีการเรียกใช้ได้ตามที่กำหนด แต่ว่าฟุตบอลนั้นยังไม่ได้ตั้งเอาไว้ อาจจะทำให้เกิดการใช้ได้บ่อยครั้งนั่นเอง
ทำให้จะมีการจารึกเอาไว้ ว่ามีการนำวิดีโอภาพช้ามาใช้งานเป็นครั้งแรก โดยข้อดีของมัน สามารถเรียกเสียงโหวตได้มากกว่า เป็นความก้าวหน้าของวงการลูกหนังอีกครั้ง ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ดึงเอาสิ่งอำนวยมาช่วยเยอะแยะแล้ว เพื่อให้เกมมีความโปร่งใสและขาวสะอาดมากขึ้น โดยในรัสเซียปีนี้ เหล่าขาโหดคงต้องเล่นระวังมากขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์โดนลงโทษกันได้ เมื่อการทำงานจับภาพได้ทุกมุม เพื่อจะช่วยเชิ๊ตดำทำงาน หวังว่าจะชอบข้อมูลของเราที่นำมาเล่าสู่กัน หากต้องการติดตามเชิญคลิ๊กต่อได้ที่ playmun.com